หมู่บ้านญี่ปุ่น ( Japanese village )
หมู่บ้านญี่ปุ่น ประเทศไทย กับประเทศญี่ปุ่นนั้น จะว่าไปก็มีการต่อเนื่องกัน มายาวนาน ตั้งแต่อดีตกาลแล้ว ถ้าเกิดใครคิดไม่ออกว่านานแค่ไหน ก็ขนาดที่ว่ามีชุมชนคนญี่ปุ่น มาก่อร่างสร้างเนื้อสร้างตัว ตั้งหมู่บ้านอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จุดเริ่มต้น หมู่บ้านญี่ปุ่น สมัยกรุงศรีอยุธยา
หมู่บ้านประเทศญี่ปุ่น (Japanese Village) ตั้งอยู่บนฝั่งทิศตะวันออก ของแม่นํ้าเจ้าพระยา อยู่ตรงกันข้าม กับหมู่บ้านประเทศโปรตุเกส ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชน คนประเทศอื่น ที่เดินทางมาค้าขายในยุคนั้น และก็ได้รับพระราชทานที่ดิน ตั้งชุมชนอาคารบ้านเรือน อยู่รอบๆใกล้เคียงกัน
ตอนแรกที่นี่ เป็นเพียงแค่ชุมชนเล็กๆ ของพ่อค้าสำเภาคนญี่ปุ่น ด้านในหมู่บ้านคาดคะเนว่า มีคนประเทศญี่ปุ่นอาศัยอยู่ 3 กรุ๊ป ร่วมกันเป็นพ่อค้า โรนิน ที่เข้ามาเป็นทหารสมัครใจ ในอยุธยา รวมทั้งคนญี่ปุ่น ที่เชื่อในศาสนาคริสต์ เดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อความอิสระสำหรับการเชื่อในศาสนา คลิก
หัวหน้าหมู่บ้าน ประเทศญี่ปุ่น ยุคนั้นเป็น ยามาดะ นางามาซะ ที่ได้ตั้งขึ้นกองทหารสมัครใจ ประเทศญี่ปุ่น แล้วก็มีหน้าที่สำหรับการช่วยทำลายล้างขบถ ตลอดจนเชื่อมชมรม ทางด้านการค้าระหว่างไทย และประเทศญี่ปุ่น จนได้รับแต่งเป็นพระยาเสนาภิมุข ซึ่งท่านได้รับการสรรเสริญ ในความซื่อตรง ซื่อสัตย์ ภักดีต่อในหลวงผู้เป็นนายจ้าง ครั้งหลังยังถูกแต่งตั้ง เป็นเจ้าผู้ครอง นครนครศรีธรรมราช ตราบจนจบชีวิต
จากหมู่บ้านญี่ปุ่น สู่พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่น
เดี๋ยวนี้ หมู่บ้านประเทศญี่ปุ่น ได้รับการก่อตั้งขึ้น เป็นพิพิธภัณฑสถาน หมู่บ้านประเทศญี่ปุ่น เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์เรียนรู้ ประวัติศาสตร์อยุธยา ก่อตั้งโดย สัมพันธ์ไทย – ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับนักวิชาการไทย และก็นักวิชาการประเทศญี่ปุ่น เพื่อนึกถึงคนญี่ปุ่น ผู้มีหน้าที่สำคัญ แล้วก็มีความภักดี ต่อราชสำนักยุคกรุงศรีอยุธยา ทั้งเพื่อเป็นที่ระลึกนึกถึงที่หมู่บ้าน ประเทศญี่ปุ่น เดิมด้วย
หมู่บ้านประเทศญี่ปุ่น ได้รับการแก้ไขทีแรก ในปี พุทธศักราช 2529 โดยรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น มอบเงินช่วยเหลือแบบให้ฟรี 999 ล้านเยน (โดยประมาณ 170 ล้านบาทไทย ในช่วงเวลานั้น) เนื่องในจังหวะที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระอายุครบ 60 ปี (พุทธศักราช2530)
รวมทั้งเป็นของที่ระลึก ในจังหวะครบรอบ 100 ปี ความเกี่ยวข้อง ทางการนักการทูตไทย-ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งจากนั้น ตรงนี้ก็ได้รับการปรับปรุงแก้ไข ต่อยอดอีกเรื่อยๆ เพื่อเป็นสถาบันวิจัย รวมทั้งพิพิธภัณฑ์ เกี่ยวกับอาณาจักรอยุธยา โดยรวมด้วย จัดสวนหน้าบ้านไม้
การจัดแสดงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยากับต่างประเทศ
ภายในนั้นจะนำเสนอเรื่องความ เชื่อมโยงระหว่างอยุธยา กับต่างถิ่น แบ่งได้เป็นตึก 9 ส่วน ยกตัวอย่างเช่น
- ห้องวีดีทัศน์
- แผนที่ออกเรือมายัขี้ตระหนี่รุงศรีอยุธยา
- แผนที่และก็ภาพถ่ายทางอากาศ
- ห้องแสดงใต้ท้องเรือ
- ห้องจัดโชว์เรื่องราวของชุมชนฝรั่งในกรุงศรีอยุธยา
- ห้องแสดงเรื่องราวของชุมชนคนญี่ปุ่นในจังหวัดอยุธยา
- ลำดับเรื่องราวความเชื่อมโยงไทย – ประเทศญี่ปุ่น
8 ห้อง e-book - เรือโบราณเลียนแบบ
การเข้าชมที่นี่ จะเสียค่าเข้าชม คนละ 50 บาท ใครต้องการแต่งชุด ยูคาตะ หรือ ชุดกิโมโน เข้าไปถ่ายรูปภายในก็ได้ มีชุดให้เช่าอยู่ที่ตึก 1 ด้วย ด้านในมีมุมสวยๆ บรรยากาศประเทศญี่ปุ่นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โซนสวนประเทศญี่ปุ่นที่ดีไซน์โดยดีไซน์เนอร์ สวนคนญี่ปุ่นเอง
ข้างในตึก 2 ยังมีจัดโชว์ หุ่นขี้ผึ้ง ของบุคคลที่มีชื่อ และมีชื่อเสียงมากมาย สำหรับชาวไทย ในสมัยที่ละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส กำลังดังถึงจุดสุดยอด ก็คือ แม่มะลิ หรือ มารี กีมาร์ (Marie Guimar) สตรีผู้ได้รับตำแหน่ง ท้าวทองคำกีบม้า ราชินีขนมไทยโบราณ ลูกครึ่งเชื้อสายประเทศโปรตุเกส-ประเทศญี่ปุ่น นั่นเอง
หมู่บ้านญี่ปุ่น
- ที่ตั้ง : ตำบลเกาะเรียน อำเภออยุธยา จังหวัดอยุธยา
- โทร : 0-3525-9867
- เวลาเปิด :
- วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09.30 – 18.00 น.
- วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 – 18.00 น.
- เว็บ : www.japanesevillage.org/th คลิกที่นี่
- การเดินทาง : จากจังหวัดกรุงเทพ ใช้ถนนสายทวีปเอเชีย (ถนนหลวงลำดับที่ 32) เลี้ยวซ้าย ตรงทางแยกเข้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขับตรงไปจุดถึง วงเวียนเจดีย์วัด 3 ปลาบ เลี้ยวซ้าย ตรงสี่แยก ไฟแดง แล้วก็ใช้ทางออกไปทาง อำเภอบางปะอิน หรือวัดพนัญเชิงวรวิหาร (ถนนลำดับที่ 3477) ขับผ่าน วัดใหญ่ชัยมงคล และก็ วัดพนัญเชิงวรวิหาร หมู่บ้านญี่ปุ่น จะอยู่ทางขวามือ
- เดี๋ยวนี้สโมสรไทย – ประเทศญี่ปุ่น ได้สร้างตึก นิทรรศการ แลtมัลติมีเดีย “ยามาดะ นางามาซะ พระยาเสนาภิมุข และท้าวทองคำกีบม้า” ตั้งอยู่รอบๆ ริมน้ำ ด้านในนำเสนอเรื่องราว และก็หุ่นของ นากามาซา ยามาดา เจ้าขุนมูลนาย คนประเทศญี่ปุ่น ในราชสำนักอยุธยา ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้
หุ่นขี้ผึ้ง
อีกมุมหนึ่ง ก็มีเรื่องมีราว และหุ่นขี้ผึ้งของ ท้าวทองคำกีบม้า (มารี ดอญา กีมาร์ เดอ ปีนา) ซึ่งเป็นชาวอยุธยา ลูกครึ่งเชื้อสาย ประเทศโปรตุเกส-ประเทศญี่ปุ่น อาศัยอยู่ ในหมู่บ้าน ประเทศโปรตุเกส ได้แต่งงานกับ คอนสแตนติน ฟอลคอน หรือ พระยาวิชาเยนทร์ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กรมท่าในยุคสมเด็จพระทุ่งนารายณ์มหาราช จนถึงในช่วงปลายของชีวิต
คุณเข้ารับราชการ จนได้ตำแหน่ง ท้าวทองคำกีบม้า หัวหน้า บุคลากรวิเสทกึ่งกลาง (ห้องครัว) ดูแลขนมเครื่องเทศ แล้วก็นำอาหารหวาน ประเทศโปรตุเกส มาเผยแพร่ ในประเทศสยาม ตำรับของหวานเครือญาติทองคำ อย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองคำนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม : แบบบ้าน 2 ชั้น ต่อเติมบ้าน andamantra resort and villa phuket